วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554

~ สู่ฟ้าไกล ~


โลกยังกว้าง ทางไกล กว่าใจคิด
ในชีวิต ร้อยพัน ล้วนปัญหา
ที่กล่อมเกลา เหลาแหลม แถมปัญญา
ให้ก้าวหน้า กล้าเดิน เผชิญชน

ทุกรอยหนาม ยามหนาว อันร้าวเหน็บ
กรีดความเจ็บ เก็บจำ ย้ำทุกหน
สร้างกำลัง หวังใหม่ ให้กมล
ยามผจญ ผลกรรม ช่วยนำทาง

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

~ กลัว ~


 กุสุมา โกสุม ปทุมหอม
จะเด็ดดอม ให้สม อารมณ์หมาย
ก็กลัวช้ำ จำเฉย แล้วเลยกราย
คงต้องคลาย มือหนอ ช่อมาลี

ดวงบุปผา ร่าบาน ตระการเบ่ง
แต่หวั่นเกรง ช่อช้ำ จำหลีกหนี
อีกทั้งกลัว ตัวร้าว หนาวฤดี
จึงต้องลี้ หนีจร อาวรณ์ครวญ

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

~ ของขวัญจากก้อนดิน ~


น้อมกรานพระจอมเกล้า
พระเป็นเจ้ามไหศวรรย์
อาศิรพาทบังคมคัล
เทิดพระเกียรติองค์ภูมิพล

ร่วมถวายพระพรชัย
พระจอมไตรผไทท้น
พระเป็นเจ้าแห่งปวงชน
เป็นราชันย์เหนือราชา

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ รักษ์ กวี ~


ร้อยอักษร ซ้อนคำ นำสลัก
ด้วยใจรักษ์ จักวาด เป็นศาสตร์ศิลป์
แห่งนิพนธ์ กลถ้อย ที่ร้อยริน
เพลงกวิน จินดา ด้วยปรารมภ์

จินตนา ข้าฯ หลั่ง ดังหยาดฝน
เคล้าระคน ปนมาลย์ สำราญฉม
มธุรส พจน์ร่าย ดังสายลม
แซมซอสม พรมพริ้ว ละลิ่วลอย

~ ร้อยกรอง ร้องกลอย ~


เพียรร้อยกรอง ร้องกลอย ยังคอยอยู่
ด้วยหยั่งรู้ อยู่รั้ง เฝ้าหวังใฝ่
ด้วยรักนวล รวนนัก หาหักใจ
แนบพร้อมนัย ภัยน้อม มิยอมลา

รักยังชื่น ยื่นชัง ก็พังพ่าย
เพียงหนึ่งก่าย หน่ายกึ่ง ยังพึงหา
รู้ใจกัน จันทร์ไกล นัยสัจจา
คงสัญญา สายันห์ ไม่ผันเลือน ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ เสน่ห์ นารี ~


เสน่หา นารี นี้สยบ
ให้ชายซบ ทรุดแอบ อยู่แนบขวัญ
พร้อมจงรัก ภักดิ์ดี ทั้งชีวัญ
ชั่วนิรันดร์ วันจาก จวบพรากลา

เสน่ห์นาง วางคง ดำรงตั้ง
ประหนึ่งดัง ขังใจ ผู้ใฝ่หา
ครองทั้งดวง ควงอยู่ คู่ชีวา
ศิโรราบ ตราบฟ้า สุราลัย

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ฟ้าแกล้ง ~


หรือฟ้าแสร้ง แกล้งรั้ง จึงขังหน่วง
ให้ติดบ่วง ห้วงเหว เปลวอาถรรพ์
เกาะเร้ารุม กุมใจ จำไกลกัน
เพียงชั่ววัน ฝันกลาย สลายกลืน

ดังคืนเงียบ เยียบเย็น เข้าเข่นฆ่า
ให้ชีวา อาสัญ สุดกลั้นฝืน
น้ำตาโรย โปรยหลั่ง ล้มทั้งยืน
ในค่ำคืน ฝืนข่ม อารมณ์ครวญ

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ เมื่อเธอและฉัน รวมกันเป็นเรา ~


วันเวลา เรียงรอย ร้อยเรื่องรัก
ค่อยค่อยถัก ค่อยค่อยก่อ ต่อเติมฝัน
ค่อยค่อยแต้ม ค่อยค่อยแต่ง ค่อยแบ่งปัน
ค่อยทำเรา รักกัน รังสรรไป

วันละน้อย ค่อยเติม เสริมสัมพันธ์
เรียนรู้กัน ฉันเธอ เฝ้าเพ้อใฝ่
ด้วยสองเรา รู้ซึ้ง ถึงจิตใจ
เหนืออื่นใด ในทาง ร่วมย่างเดิน

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ละครชีวิต ~

คือละคร ฉากใหญ่ ใครกำหนด
ใครเขียนบท กฎเกณฑ์ ดี-เด่น-สวย
ใครกำกับ รับฉาก ชั่ว-ยาก-รวย
ใครกันหนอ พอช่วย อำนวยการ

คือวิถี แห่งตน คนกำหนด
เขียนเป็นบท ชีวา มหาศาล
หลากลีลา ร้อยรส กำหนดการ
ล้วนแต่ชาญ เชิงเชี่ยว เฉลียวมอง

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ คงเดิม ~

ใช่เวลา พาเคลื่อน แล้วเลือนสิ้น
ทุกห้วงจินต์ บินคล้อย ตามรอยฝัน
ยังโน้มน้าว ท้าวทบ มาพบกัน
พึงรำพัน บั้นปลาย ที่หมายปองฯ
 ~* ปุถุชนฯ *~

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ร่วมทาง ~

ขอซับเหงื่อ ผู้พ่าย ให้คลายเจ็บ
ซับน้ำตา หนาวเหน็บ เก็บความช้ำ
เฝ้าปลอบโยน โอนอ่อน ผ่อนระกำ
คลายเศร้าซ้ำ กำแสง ขอแบ่งเบา

แม้นเจ็บปวด รวดใด ในชีวิต
อย่าได้คิด อดสู อาจดูเหงา
ลมที่ผ่าน ผิวแว่ว อย่างแผ่วเบา
คงบรรเทา ผ่าวร้อน ให้ผ่อนคลาย

~ ดอกราตรี ~

เป็นดอกงาม นามชื่น ในคืนเงียบ
ค่อยเลาะเลียบ เทียบกลิ่น ถวิลหวัง
อยู่ในความ มืดมิด ติดภวังค์
ยากได้ดัง ตั้งต้อง สนองตา

ดอกราตรี คลี่บาน ในกาฬแสง
รัญจวนแฝง แห่งฝัน ให้สรรหา
ขจรฟุ้ง คลุ้งปราย ขจายมา
ประหนึ่งว่า ท้าทาย ให้ชายชม

ณ ราตรี ที่นวล สรวลสนิท
แนบเนานิจ ชิดเชย เขนยสม
ประคองกอด พรอดรัก ภักดิ์ภิรมย์
รัญจวนชม ฉมนวล กระอ่วนใจ ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ดาริกา..กำแสง ~


รัตติกร กลืนกาฬ เป็นม่านหม่น
ประดับปน ยลแย้ม เข้าแซมใส่
ด้วยดวงดาว วาววับ ประทับใจ
แต้มเดือนใส ให้งาม อร่ามเรือง

นั่งชมดาว หนาวใจ หวิวไหวหวั่น
อุระสั่น พรั่นพรึง เพียงหนึ่งเรื่อง
ยามแล้งใจ ไยเจ้า ทำเปล่าเปลือง
รักเคยเนือง หายเหือด อย่างเลือดเย็น

~ รักเธอ..ประเทศไทย ~

ร้อยความรัก ภักดิ์ดี มีให้พร้อม
ด้วยยินยอม พร้อมตาย วายอาสัญ
แม้นสูญเสีย ตัวดับ ลับชีวัน
จะปกกั้น ปันป้อง แผ่นทองไทย

สละได้ เลือดเนื้อ นี้เพื่อชาติ
ทุกหยดหยาด ทรนง อย่าสงสัย
พลีถวาย องค์ภูมินทร์ แผ่นดินไทย
รักเหนือใด ในหล้า ปฐพี

~ หวัง - ฝัน ในวันใหม่ ~


ณ แดนดิน ถิ่นใด ในโลกหล้า
จะไขว่คว้า หาค้น บนทางฝัน
ยามฟ้าแจ้ง แสงส่อง ผ่องอำพัน
จะล่าฝัน อันใฝ่ ที่ใจปอง

มือคว้าดาว เท้าติดดิน บินตามหา
สูงสุดฟ้า หาเกินใจ ใฝ่สนอง
จงตามล่า คว้าไป ในครรลอง
มีหวังปอง มองเห็น เป็นปลายทาง

~ เพลงรัก ในสายลม ~


จันทร์ช่างดู เป็นใจ ในคืนนี้
จูบคนดี ซาบซ่าน ผ่านคืนหนาว
กอดแนบ,อก ปกป้อง ประคองดาว
ผ่านคืนหนาว สาวสั่น สวรรค์ใจ

สองเคียงชิด นิจแนบ แอบไออุ่น
นิ่มละมุน กรุ่นนวล ชวนหวั่นไหว
ค่อยประคอง น้องนอน เตียงอ่อนไกว
กล่อมหลับใหล ในฝัน อันรื่นรมย์

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ทุกลมหายใจ ~


น้ำตานอง รินหลั่ง หลังเรื่องเล่า
เป็นเรื่องเศร้า เผ่าไทย ที่ใครขาน
ไทยเป็นไท ใครเล่า ทำร้าวราน
เลือดไทยผลาญ ล้างไล้ ให้แผ่นดิน

วิญญาณร้อง ก้องกู่ สู้สุดหล้
แม้นตัวข้าฯ ดับด่าว ขอร้าวสิ้
สลายสูญ ทดแทน คุณแผ่นดิน
สุธาถิ่น ผองไทย ได้ครอบครอง

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ยัง ~


ปลอบใจตัว มัวเหงา นั่งเศร้าอยู่
เปิดใจดู ฟ้ากว้าง กว่าทางฝัน
นกยังบิน เล่นลม ชมตะวัน
ฟ้ายังมี แสงจันทร์ ปันราตรี

แดดยังส่อง ลอดมา เมฆาบด
ฝนยังหยด รดหลั่ง สะพรั่งศรี
มวลบุปผา ผกามาศ ระดาษมี
เสียงดนตรี กวีกล่อม ยังย้อมใจ

~ หวัง ~


ไม่หวังมาก เกินใด ในโลกนี้
ไม่หวังมี เธอเคียง อยู่เพียงฉัน
ไม่หวังเธอ รักตอบ มอบผูกพัน
ไม่หวังเอา รักนั้น ปันจากเธอ

แค่ได้มอง จ้องดู อยู่ห่างห่า
แค่แอบรัก อยู่บ้าง พอเสนอ
แค่แอบยิ้ม พิมพ์ใจ ยามได้เจอ
แค่ละเมอ เพ้อฝัน ฉันฝ่ายเดีย

ขออยู่ข้าง หว่างใจ ใครคนหนึ่
มอบรักซึ้ง ตรึงตรา อย่าแลเหลียว
ขอฉันรัก แน่วแน่ แค่ฝ่ายเดีย
(แต่)หากเธอเหลียว เลี้ยวมอง คงต้องใจ(กัน)....
 
~* ปุถุชนฯ *~

~ เส้นทาง สายรัก ~


สัมผัสทาง ย่างเหยียบ ไม่เรียบราบ
โรยกุหลาบ มีหรือ คือทางฝัน
แม้หนาวเหน็บ เจ็บเร้า เฝ้าสัมพันธ์
เพียงสองใจ เคียงกัน อย่าหวั่นทาง

ก้าวเดินไป ในที อย่างมีรัก
ร้อยสมัคร ภักดิ์ผล จนรุ่งสาง
เพียงหนึ่ง..ก้าว ยาวอยู่ คู่เส้นทาง
ฝ่าถากถาง ขวางขวาก อย่าพรากไกล ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

~ อนัตตา ~


จะร้อนหนาว ร้าวรน อาบฝนฉ่ำ
ทุกข์ระกำ น้ำตา ปรีดาไหล
เทวษท้น ล้นสรวล รัญจวนใจ
อย่าหลงใหล ในวัฏ อนัตตา ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ กลบฝัง ยังผืนดิน ~


หอบความช้ำ กล้ำกลืน ฝืนหยัดร่าง
แล้วเดินทาง กลางเปลี่ยว อย่างเหี่ยวเฉา
มาซบแอบ แนบลาน ที่บ้านเรา
เก็บความเหงา เอาฝัง ยังผืนดิน

กลบให้จม ขมขื่น ที่ยื่นหยิบ
เสียงกระซิบ ปริบตา มุสาหมิ่น
ที่เยาะเหยียด เกลียดชัง ทั้งมลทิน
เอาฝังสิ้น ดินกลบ ให้ลบเลือน

~ กรรมซ้อนกรรม ~

ชวาลาถั่งโถมโหมถล่ม
ทุกถิ่นจมถมท่วมอ่วมเสียหาย
ทั้งชีวินสินทรัพย์ลับละลาย
ล้วนเสียหายสายน้ำซ้ำพัดพา

ทรชนล้นหลากล้วนมากมี
เหตุอัปปรีย์จี้ปล้นจนผวา
พรากชีวิตปลิดปลงอย่างสงกา
อนิจจาน่าอนาจมันบาดใจ

~ เฟื่องฟ้า ~

ดอกกระดาษ วาดหวัง ดังเฟื่องฟ้า
พวงระย้า ผกางาม ตามสีสรร
ยามลมหวิว ปลิวต้อง กองซบกัน
ผ่านเพียงผัน หันเห ตามเวลา

ดูดาษดา คราคราว กราวปลิวปลิด
ทีละนิด หลุดล่อง เหม่อมองหา
เครือเจ้าหัน พัลวน บนหลังคา
ซุ้มพฤกษา หน้าบ้าน ตระการชม

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ลมผวน ~


เมื่อลมผัน หันผวน หวนเปลี่ยนทิศ
แต่ชีวิต แน่วแน่ ไม่แปรผัน
ด้วยดวงใจ ไขว่คว้า จะฝ่าฟัน
ขอมีกัน เคียงข้าง อย่าห่างไกล

กลัวนะใจ ไหวหวั่น จะผันผวน
กลัวเรรวน ซวนเซ เถลไถล
กลัวเจ้าผัน หันซัด ลมพัดไป
กลัวว่าใจ จะขม เช่นลม,วน

~ มีกัน ตลอดไป... ~

ที่ดวงดาว วาวงาม น้ำเงินใส
มีสายใย ถักทอ ก่อประสาน
จากไม่รู้ สู่ซึ้ง ตราตรึงวาร
สองดวงมาน สานเกี่ยว เข้าเหนี่ยวนำ

ร่วมประทับ รับขวัญ ดังฝันจ้า
จรัสกว่า ฟ้าหรือ คืองามขำ
ด้วยรักเรียม เทียมศรี รุจีนำ
สุดจะรำ- พันเอ่ย เผยความนัย

~ เกยกาย ก่ายเศียร ~

ล้วนแต่ตัว สังเวย เกยก่ายเศียร
ยังวนเวียน ราวี มีที่ใหน
เราก็รัก ชีพตน ทุกคนไป
เขาก็ใจ รักแน่ ไม่แพ้กัน..
~* ปุถุชนฯ *~

~ รุ่งแสง ทิวากร ~

ทิวากร ร่อนเหิน เพลินกลางหาว
รุจีแสง แพรวพราว ดับดาวใส
ปักษิณร่า ร่อนเริง บรรเทิงไพร
สำเริงไหว ไกวลม ปฐมกาล

เมื่อเหมันต์ หันมา ถึงคราเปลี่ยน
วสันต์เวียน เตียนฟ้า เมฆาผ่าน
พิรุณพราก จากจร ก่อนตระการ
วาโยหว่าน ซ่านซาบ กำราบทรวง
~* ปุถุชนฯ *~

~ ชมนาง 2 มธุรสแห่งจินต์ ~


นวลนงราม งามล้ำ ฉ่ำชวนชื่น
ในวันคืน เชยชิด พิสมัย
สนิทแนบ แอบอิง ผิงอุ่นไอ
กรุ่นกลิ่นกาย ผายกล้ำ ให้รำพัน

แม่ดวงแก้ว แวววับ ประดับหล้า

ชม้ายตา แย้มสรวล ให้ชวนฝัน
พักตร์พิศเด่น เช่นสรวง แห่งดวงจันทร์
นัยน์นงนั้น ดาวน้อย ยังคล้อยอาย

~ ขอโทษ ที่กวนใจ ~


ขอโทษ...ที่ทำ ลำบากใจ
ต่อไป จะไม่ สร้างปัญหา
อยู่เงียบ เรียบง่าย ตามอัตตรา
ไม่ว้า หรือวุ่น ทำขุ่นเคือง

เหนื่อยนะ เข้าใจ ยังไหวอยู่
อดสู ดูเห็น ลำเค็ญเขื่อง
รักล้น ท้นบ่า มานองเนือง
หลายเรื่อง ร้อนรุ่ม เร้าสุมกอง

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ มวลบุปผา ~


ดอกราตรี คลี่บาน ส่งมาลย์หอม
พวงพยอม พร้อมเพรียง เคียงประสาน
ชวนถวิล กลิ่นกรุ่น อุ่นดวงมาน
จรุงหว่าน มาลย์ฉาย กำจายฉม

บุหงาคลุ้ง ปรุงแต้ม แซมราตรี
ลีลาวดี คลี่บาน ร่วงลานถม
ยังโชยชื่น รื่นริ้ว พัดพริ้วพรม
ให้ดอมดม รมย์เริง บรรเทิงกาล

ลำดวนดง ส่งกลิ่น ประทิ่นหมาย
เคล้ากำจาย กระดังงา มาประสาน
อวลไออุ่น กรุ่นเร้า เย้าดวงมาน
ริมเรือนชาน สาวกอด พรอดรักเรา ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

~ ฟ้าไกล ใจชิด ~


มองฟ้าไกล ใจห่วง สุดหน่วงหนัก
มอบใจรัก ลอยผ่าน ม่านฟ้าใส
สนธยา ราตรี จงรี่ไป
สู่หัวใจ อีกดวง ควงคู่กัน

กล่อมเวลา ฟ้าหม่น ฝนรินหลั่ง
เป็นพลัง เคียงข้าง ร่วมสร้างฝัน
ทางที่เดิน เหินห่าง ร้างไกลกัน
แต่ผูกพัน มั่นอยู่ มิรู้คลาย ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ ยิ่งห่วงใย ~

ยิ่งห่วงใยเหลือล้นท้นทวี
รู้คนดีหมองเศร้าเหงาหม่นแสน
อยากจะซับรับช้ำระกำแทน
ถ้าหากแม้นทำได้หมายใจจอง

จะกล่อมขวัญคนไกลผู้ใจเจ็บ
และหนาวเน็บรานรนมานหม่นหมอง
หยุดเสียเถิดแก้วจ๋าน้ำตานอง
จะขอรองรับทุกช้ำที่กรำใจ

~ รอยช้ำ ที่ย้ำทรวง ~


ยามเดือนเด่น เร้นดาว หนาวน้ำค้าง
ที่พราวพร่าง กลางดื่น กับคืนเหงา
ลมโลมเล็ม เต็มแนว อย่างแผ่วเบา
ขาดเพียงเรา เคล้าเคียง ฟังเสียงคืน

ซอนซอกเซาะ เลาะรี่ วารีหลั่ง
เรื่องความหลัง ครั้งเก่า ทำเราฝืน
อยู่คนเดียว เปลี่ยวช้ำ ด้วยกล้ำกลืน
ต้องหยัดยืน ขืนอยู่ อดสูใจ

~ คืนหนาว ดาวเลือน ~

มองดวงเดือน เคลื่อนลา เวหาหน
หนาว,กมล ปนเหงา ใต้เงาหมอง
เดือนเรืองแสง แจ้งชม พอสมปอง
น้ำตานอง มองฟ้า ทอดอาลัย

ดาวก็งาม ตามแต้ม พอแซมเสียบ
ยามยะเยียบ เงียบเวิ้ง ระเริงไหว
ลมสะบัด พัดโยน อ่อนโอนใจ
ตามแรงไกว ไหลคว้าง อยู่กลางกาล

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ แอบ ~

แอบคิดถึงเธออยู่ห่างๆ
มองภาพ พลางๆ รักเหลือหลาย
ไม่กวน ไม่ยุ่ง ไม่วุ่นวาย
แม้เหงาเปล่าดายในกมล...

~ คาด ~

สิ่งที่คาด ไม่เคยผิด
สิ่งที่คิด ไม่เคยพลั้ง
สิ่งที่ครวญ ล้วนจีรัง
สักกี่ครั้ง ขอบ้าง ที่จะคาดคิด ผิด...ซักที

~ สักขีใจ ~

จูบเคียงจันทร์ ฝันเพ้อ ละเมอหา
รอเวลา ฟ้าแจ้ง ทอแสงใส
จักกอดเจ้า เคล้าเคียง อยู่เพียงใจ
ล่วงกาลไกล ใหลชื่น ร่วมรื่นรมย์

มโนหมาย คล้ายเรา พะเน้าแนบ
อยู่อิงแอบ แทบข้าง อย่างสุขสม
ร่วมชิดเชย เกยก่าย เคล้าสายลม
อยู่เคียงชม พรมรัก ประจักษ์ใจ

วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ อ้อมแขนแห่งรัก ~


แม้เธออยู่ หนใด ในโลกนี้
รักที่มี ไม่สิ้น ถวิลหา
ยังยืนยง คงมั่น คำสัญญา
ด้วยสัจจา พาที ฤดีจินต์

หากแม้นหนาว ร้าวรน หมองหม่นล้า
แหงนมองฟ้า พาถึง คนึงถิ่น-
แดนแห่งรัก จักอยู่ คู่ยุพิน
คล้องดวงจินต์ สองใจ ให้เกี่ยวกัน

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ คำยืนยัน ~

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้
จะคอยอยู่เคียงข้างเธอ ทุกนาที
จะคอยอยู่ตรงนี้ แม้ถึงวันฉันสิ้นใจ...!!

~ มองตา ~

มองดูตาฉันนี้สิที่รัก
จงตระหนักลึกซึ้งถึงห่วงหา
และห่วงใยให้อยู่ทุกเวลา
มอบให้มาเหลือล้นแด่คนดี....เป็นห่วงนะ มากมายเลย !!

~ ครวญ ~

ไม่อยากรับรู้ แต่ต้องคอยติดตาม
ไม่อยากทวงถาม แต่ก็คอยห่วงหา
ไม่อยากคิดถึง แต่คนึงอยู่ทุกเวลา
ไม่อยากเหว่ว้า แต่อะไรกันหนา ครวญหาแต่เธอ ..!!

~ รอดาว ~


ดูสิดาว วาวงาม ท่ามท้องฟ้า
แต่เมฆา มาปน ให้หม่นหมอง
รอเจ้าเรือง แสงท้า ฟ้าคะนอง
หลังจากหมอง มองหม่น ด้วยทนทาน

คอยนะหลัง ฝนพรำ จงจำอวด
หลังร้าวรวด ร้อนรน ปนประสาน
ฟ้าจะแจ้ง แสงดา- ริกากาล
ด้วยห้าวหาญ ชาญท้า หลังปราชัย

หลับเถิดดวง หน่วงหนัก จงพักผ่อน
เหนื่อยและร้อน ร้าวรน ยังทนไหว
จะกล่อมเกลา ดาวล้า ผ่านฟ้าไกล
รอวันใจ เจ้าชื้น มาคืนเยือน ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ มหาวาต - ภัย ~


มวลธารา ถั่งโถม โหมถล่ม
ทุกถิ่นจม ถมท่วม อ่วมเหลือหลาย
 ทั้งชีวิน สินทรัพย์ ลับละลาย
ล้วนเสียหาย สายน้ำ ซ้ำพัดพา

ทรชน ล้นหลาก ล้วนมากมี
เหตุอัปรีย์ จี้ปล้น จนผวา
พรากชีวิต ปลิดปลง ไม่สงกา
อนิจจา น่าอนาจ มันบาดใจ

~ พระปิยมหาราช ~

พระทรงปัก รักษา อาณาเขต
ถิ่นประเทศ แดนสยาม งามสวรรค์
ปลดเปลื้องทาส สร้างไทย เป็นไท,พลัน
แล้วสร้างสรรค์ บ้านเมือง ให้เรืองรอง

ชาติสยาม งามเลิศ ทั้งเพริศแพร้ว
พระทรงเป็น ดังแก้ว มณีผอง
ดล,สยาม อยู่ยั้ง เช่นดังปอง
เป็นผู้ป้อง ปกไทย ให้ยืนยง

ขอพระองค์ ทรงสันต์ สำราญเสพ
ณ แดนเทพ ทิพย์วิมาน สราญสรง
พระนามเรือง เนืองไกร พระทัยองค์
เมตตาทรง แผ่ปก พสกนิกร ฯ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ฯ
ข้าพระพุทธเจ้า

ปุถุชน ฅนธรรมดา

~ เอาคำพ้องเสียง มาเรียงเป็นกลอน ~

เพียงอยากเล่า เรื่องเร่า ในวงเหล้า
ถึงขั้นเค้า คั่นขวาง ให้หมางหมอง
หลับสนิท ปิดกรรณ เสียกันตรอง
จึงร่ำร้อง โศกศัลย์ สิ้นสันต์ใจ

จะร้องรำ ลำนำ ดังกรรมเก่า
ที่กำเอา กุมกอปร มากอบใส่
เมื่อหมายหมั้น หามั่น รังสรรค์ใด
ก็เพียงเท่า เถ้าไฟ ที่ไล่ลน

~ เพลิงกาฬ แห่ง ซาตาน ~

อยากจะเผา เร้าโศก ใส่โลกหล้า
ล้างโลกา ด้วยเพลิงกาฬ ผลาญมอดไหม
จมแผ่นพื้น ธรณี ด้วยแรงไฟ
ฉีกแผ่นฟ้า-น้ำให้ บรรลัยโรย

จมทั้งโลก สาบสุญ เป็นฝุ่นผง
รื้อป่าดง พงเขา เผาไห้โหย
เอาน้ำตา บ่าท่วม คีรีโดย-
ล้างให้โปรย ปลิวฟุ้ง เป็นทุ่งเพลิง

~ เพลงบทเก่า ~

ร้องบรรเลง เพลงบทเก่า เล่าความหมาย
เนื้อบรรยาย หลายอย่าง บนทางฝัน
เพลงร้องเรื่อย เอื่อยแผ่ว แว่วจำนรรจ์
กระซิบกัน สันต์อยู่ ไม่รู้คลาย

เนื้อบอกเล่า เรื่องใจ ใฝ่ลิขิต
ในนิมิต ติดตาม นิืยามฉาย
ที่แจ่มแจ้ง แจงจ่อ ทอประกาย
เป็นแสงฉาย ปลายหวัง ที่ยังรอ

วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ ยิ่งหา ยิ่งหาย ~


ยิ่งคุ้ยค้น ป่นปี้ ไม่มีเห็น
เช้ายันเย็น เข็นเคี่ยว เที่ยวตามหา
แท้จ่อจู่ อยู่ใกล้ นัยนา
อนิจจา หากัน ไม่ทันเจอ

เฝ้าส่องเสาะ เลาะลัด สะพัดถิ่น
ที่ดวงจินต์ ผินพลัด ยังผลัดเผลอ
มิยอมดู อยู่ใกล้ จึงไม่เจอ
ที่ใดเออ..เธอค้น จนสิ้นลม ฯ

ผู้หา กลับหาย-ห่าง...ผู้วาง กลับพึง-พบ

~* ปุถุชนฯ *~

~ ย้ำรัก...ด้วยปักใจ ~

รักของเรา ใช่เล่น เป็นแค่ฝัน
ความสัมพันธ์ มั่นคง อย่าสงสัย
ทุกเรื่องราว กล่าวย้ำ ทำจากใจ
มิหวังใด ใหนเลย เพียงเชยชม

บุปผชาติ บอบช้ำ ยอมนำมอบ
ภมรปลอบ ด้วยหมาย จะคลายขม
เคล้าเกษร ร่อนริน ถวิลรมย์
ด่ำดอมดม ฉมรัก จึงจักเชย ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

~ รักแท้..แม้ไม่มอง ~

เถิดดวงแรม แต้มยิ้ม ปริ่มปรีดา
หนาวน้ำตา มานาน มานหม่นหมอง
เจ็บนะใจ ใครนี้ ที่เฝ้ามอง
ตะโกนก้อง พ้องเพียง จะเมียงคืน

ร้าวรันทด อดสู ดูท้อแท้
ไยเอาแต่ รานรน จำทนฝืน
คนที่ปวด รวดใจ ใกล้ขวัญยืน
หมายหยิบยื่น มือป้อง ประคองกาย

~ คีรีบูน ~


คีรีบูน ช่างอาดูร และเปล่าดา
ถูกขังไว้ ในกรง คงโศกศัลย์
อาจร้องเพลง เพราะรื่น ในคืนวัน
แต่ทรวงนั้น กลั้นเหงา ใต้เงามัว

เคยเริงร่า บินร่าย ป่ายลมล้อ
ต้องทดท้อ ใต้เงา เศร้าสลัว
หรือใจเจ้า หวั่นหวาด ขยาดกลั
จึงหมองมัว ในกรง คงปลอดภัย

~ ดนตรี กวี ศิลป์ ~


อันดนตรี กวีศิลป์ จินตนา
ขอบเขตขัณ- ฑสีมา หาคั่นขวาง
อีกรักอัน ซึ้งอยู่ มิรู้จาง
หากจะร้าง เลยล้ำ ขอกล้ำกราย

ภาษาชาติ ชนเชื้อ เหลือจะกั้น
รักยังดั้น ปั้นปึง พึงเป้าหมา
เขตแดนใด ชายขอบ กอปรการณ์กลา
มิวางวาย ร่ำเรียก เพรียกกู่ม

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ เถาไพร ในป่าปูน ~


สองมือกุม จิกกำ ระส่ำสั่น
ยก,ยอ,กร ปิดกั้น เกินต้านไหว
เด็กหนุ่มน้อย เดินทาง จากบ้านไพร
สู่เมืองใหญ่ ถูกกุ้ม สุมรุมตี

ประสาตัว เปลี่ยวดาย ในป่าปูน

แสนอาดูร มัวหม่น จนหมดศรี
จากบ้านนา หากิน เลี้ยงชีวี
หวังชีพนี้ ต่อเกื้อ เอื้ออาทร

~ ชมนาง 1 ปฐมบทแห่งรสรัก ~

 
แล,ชม้าย ชายตา ที่ว่าหวาน
เห็นสะท้าน ทรวงซบ สุดหลบไหว
สายตาเจ้า เย้ายวน ป่วนฤทัย
ทำเอาชาย ส่ายสั่น สะท้านทรวง

ยามแย้มยิ้ม พริ้มพราย สุดฉายฉันท์

พิไลพักตร์ ลักษณ์นั้น ดังนางสรวง
ชายชมชิด พิสมัย หมายเคียงควง
พักตร์ดังดวง แห่งจันทร์ วันเต็มเพ็ญ

~ อธิษฐานใจ อธิษฐานรัก ~

 
ขอบนบาน ต่อเทพ ปวงเทวา
จึงตั้งจิต สัตยา อธิษฐาน
สักการะ น้อมนำ โหมคำกานท์
รำบายผ่าน ต่อฟ้า เทวาพรหม

แม้นอดีต ชาติเรา เคยเคล้าเคียง
ได้ร่วมเรียง เพียงอยู่ เป็นคู่สม
จึงดลใจ ให้เรา เฝ้าหมายชม
เพื่อภิรมย์ ชาตินี้ ที่เจอกัน

~ อรุณรำพึง ~

เจื้อยไก่แจ้ว แว่วขัน แข่งกันตื่
หลังค่ำคืน นอนพับ เหนื่อยหลับใหล
จิ้งหรีดหริ่ง ร้องพร้อม เห่กล่อมใจ
ฟ้าเริ่มใส ในวัน ผันทิวา

สงบเงียบ เชียบเย็น ไม่เข็ญจิต
ใจยังคิด คนึง รำพึงหา
มองฟ้าไกล ใสกว้าง ดวงดารา
เมฆก็ดับ ลับตา ให้อาลัย

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

~ เริงลาย สายศิลป์ ~


จิตรกร ระบายสวย ด้วยพู่กัน
กวีกลั่น ร่ายพจน์ สะกดส่ง
นักดนตรี ประเลง เพลงบรรจง
จึงสื่อส่ง สายศิลป์ จินตนา

ร้อยความคิด พินิจฝัน อันโชติช่วง
ประดับท่วง ชีวิน ถวิลหา
ในครรลอง ของตน บนศรัทธา
อันแรงกล้า ท้าท้อ ต่างต่อตี

~ วิญญาณ แห่งตัวตน ~


ด้วยรักใฝ่ ในกลอน จึงกรองกลั่น
ทุกถ้อยนั้น ปั้นจิต ลิขิตใส่
เติมวิญญาณ สานรัก ปักดวงใจ
เสริมเข้าไป ให้กล้ำ ณ คำกานท์

ด้วยกลิ่นอาย แห่งตนตัว ที่กลั้วเกลือก
ทางที่เลือก ก้าวย่าง ขีดสร้างสาน
ด้วยแน่นหนัก รักศิลป์ ทั้งวิญญาณ
จึงกรองกานท์ ผ่านคำ ที่รำพึง

~ โหมโรง เส้นทางกวี ~


ระหว่างทาง จากดิน บินสู่ดาว
กวีกล่าว ถ้อยคำ นำชีวิต
เรียนและรู้ พันผูก ทั้งถูกผิด
ในลิขิต ขีดจาร ตำนานคำ

น้ำตาทบ ซบซม จมหมองไหม้
ร่ำอาลัย ไห้โหย โรยถลำ
ล่วงลงสู่ หุบเหว เหลวระยำ
ที่จารคำ นำเอ่ย เผยความนัย

~ บูชาครู ~


บรมครู กลอนกานท์ สอนจารถ้อย
ที่เรียงร้อย สร้อยคำ มาย้ำขา
สดับซ่าน ผ่านซึ้ง ส่งถึงมาน
ทิวาวาร กาลเปลี่ยน เฝ้าเพียรปรือ

เสนาะโสต โอษฐ์เอ่ย รำเพยออก

เผยพจน์บอก ตอกหมาย เป็นลายสื
ขจรนาม งามไกล ให้ระบือ
จงเลื่องลือ ชื่อตน ดังมนตร์ตรา

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

~ เสน่ห์นาง ~

เสน่หา ครานี้ ยากลี้ซ่อน
แรงอาวรณ์ ร้อนเร่า เร่งเร้าหา
จักน้าวโน้ม โจมจู่ สู่อุรา
ปรารถนา ปรารมภ์ จะชมเชย

ด้วยเนื้อนวล นิ่มนาง จาง,กระแจะ
ละมุนแตะ ไล้โลม โฉมผ่าเผย
ช่างรัญจวน ยวนเย้า กระเซ้าเปรย
ดังเอื้อนเอ่ย เกยซ้อน ฉะอ้อนมา