วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ รักษ์ กวี ~


ร้อยอักษร ซ้อนคำ นำสลัก
ด้วยใจรักษ์ จักวาด เป็นศาสตร์ศิลป์
แห่งนิพนธ์ กลถ้อย ที่ร้อยริน
เพลงกวิน จินดา ด้วยปรารมภ์

จินตนา ข้าฯ หลั่ง ดังหยาดฝน
เคล้าระคน ปนมาลย์ สำราญฉม
มธุรส พจน์ร่าย ดังสายลม
แซมซอสม พรมพริ้ว ละลิ่วลอย

~ ร้อยกรอง ร้องกลอย ~


เพียรร้อยกรอง ร้องกลอย ยังคอยอยู่
ด้วยหยั่งรู้ อยู่รั้ง เฝ้าหวังใฝ่
ด้วยรักนวล รวนนัก หาหักใจ
แนบพร้อมนัย ภัยน้อม มิยอมลา

รักยังชื่น ยื่นชัง ก็พังพ่าย
เพียงหนึ่งก่าย หน่ายกึ่ง ยังพึงหา
รู้ใจกัน จันทร์ไกล นัยสัจจา
คงสัญญา สายันห์ ไม่ผันเลือน ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ เสน่ห์ นารี ~


เสน่หา นารี นี้สยบ
ให้ชายซบ ทรุดแอบ อยู่แนบขวัญ
พร้อมจงรัก ภักดิ์ดี ทั้งชีวัญ
ชั่วนิรันดร์ วันจาก จวบพรากลา

เสน่ห์นาง วางคง ดำรงตั้ง
ประหนึ่งดัง ขังใจ ผู้ใฝ่หา
ครองทั้งดวง ควงอยู่ คู่ชีวา
ศิโรราบ ตราบฟ้า สุราลัย

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ฟ้าแกล้ง ~


หรือฟ้าแสร้ง แกล้งรั้ง จึงขังหน่วง
ให้ติดบ่วง ห้วงเหว เปลวอาถรรพ์
เกาะเร้ารุม กุมใจ จำไกลกัน
เพียงชั่ววัน ฝันกลาย สลายกลืน

ดังคืนเงียบ เยียบเย็น เข้าเข่นฆ่า
ให้ชีวา อาสัญ สุดกลั้นฝืน
น้ำตาโรย โปรยหลั่ง ล้มทั้งยืน
ในค่ำคืน ฝืนข่ม อารมณ์ครวญ

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ เมื่อเธอและฉัน รวมกันเป็นเรา ~


วันเวลา เรียงรอย ร้อยเรื่องรัก
ค่อยค่อยถัก ค่อยค่อยก่อ ต่อเติมฝัน
ค่อยค่อยแต้ม ค่อยค่อยแต่ง ค่อยแบ่งปัน
ค่อยทำเรา รักกัน รังสรรไป

วันละน้อย ค่อยเติม เสริมสัมพันธ์
เรียนรู้กัน ฉันเธอ เฝ้าเพ้อใฝ่
ด้วยสองเรา รู้ซึ้ง ถึงจิตใจ
เหนืออื่นใด ในทาง ร่วมย่างเดิน

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ละครชีวิต ~

คือละคร ฉากใหญ่ ใครกำหนด
ใครเขียนบท กฎเกณฑ์ ดี-เด่น-สวย
ใครกำกับ รับฉาก ชั่ว-ยาก-รวย
ใครกันหนอ พอช่วย อำนวยการ

คือวิถี แห่งตน คนกำหนด
เขียนเป็นบท ชีวา มหาศาล
หลากลีลา ร้อยรส กำหนดการ
ล้วนแต่ชาญ เชิงเชี่ยว เฉลียวมอง

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ คงเดิม ~

ใช่เวลา พาเคลื่อน แล้วเลือนสิ้น
ทุกห้วงจินต์ บินคล้อย ตามรอยฝัน
ยังโน้มน้าว ท้าวทบ มาพบกัน
พึงรำพัน บั้นปลาย ที่หมายปองฯ
 ~* ปุถุชนฯ *~

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ร่วมทาง ~

ขอซับเหงื่อ ผู้พ่าย ให้คลายเจ็บ
ซับน้ำตา หนาวเหน็บ เก็บความช้ำ
เฝ้าปลอบโยน โอนอ่อน ผ่อนระกำ
คลายเศร้าซ้ำ กำแสง ขอแบ่งเบา

แม้นเจ็บปวด รวดใด ในชีวิต
อย่าได้คิด อดสู อาจดูเหงา
ลมที่ผ่าน ผิวแว่ว อย่างแผ่วเบา
คงบรรเทา ผ่าวร้อน ให้ผ่อนคลาย

~ ดอกราตรี ~

เป็นดอกงาม นามชื่น ในคืนเงียบ
ค่อยเลาะเลียบ เทียบกลิ่น ถวิลหวัง
อยู่ในความ มืดมิด ติดภวังค์
ยากได้ดัง ตั้งต้อง สนองตา

ดอกราตรี คลี่บาน ในกาฬแสง
รัญจวนแฝง แห่งฝัน ให้สรรหา
ขจรฟุ้ง คลุ้งปราย ขจายมา
ประหนึ่งว่า ท้าทาย ให้ชายชม

ณ ราตรี ที่นวล สรวลสนิท
แนบเนานิจ ชิดเชย เขนยสม
ประคองกอด พรอดรัก ภักดิ์ภิรมย์
รัญจวนชม ฉมนวล กระอ่วนใจ ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ดาริกา..กำแสง ~


รัตติกร กลืนกาฬ เป็นม่านหม่น
ประดับปน ยลแย้ม เข้าแซมใส่
ด้วยดวงดาว วาววับ ประทับใจ
แต้มเดือนใส ให้งาม อร่ามเรือง

นั่งชมดาว หนาวใจ หวิวไหวหวั่น
อุระสั่น พรั่นพรึง เพียงหนึ่งเรื่อง
ยามแล้งใจ ไยเจ้า ทำเปล่าเปลือง
รักเคยเนือง หายเหือด อย่างเลือดเย็น

~ รักเธอ..ประเทศไทย ~

ร้อยความรัก ภักดิ์ดี มีให้พร้อม
ด้วยยินยอม พร้อมตาย วายอาสัญ
แม้นสูญเสีย ตัวดับ ลับชีวัน
จะปกกั้น ปันป้อง แผ่นทองไทย

สละได้ เลือดเนื้อ นี้เพื่อชาติ
ทุกหยดหยาด ทรนง อย่าสงสัย
พลีถวาย องค์ภูมินทร์ แผ่นดินไทย
รักเหนือใด ในหล้า ปฐพี

~ หวัง - ฝัน ในวันใหม่ ~


ณ แดนดิน ถิ่นใด ในโลกหล้า
จะไขว่คว้า หาค้น บนทางฝัน
ยามฟ้าแจ้ง แสงส่อง ผ่องอำพัน
จะล่าฝัน อันใฝ่ ที่ใจปอง

มือคว้าดาว เท้าติดดิน บินตามหา
สูงสุดฟ้า หาเกินใจ ใฝ่สนอง
จงตามล่า คว้าไป ในครรลอง
มีหวังปอง มองเห็น เป็นปลายทาง

~ เพลงรัก ในสายลม ~


จันทร์ช่างดู เป็นใจ ในคืนนี้
จูบคนดี ซาบซ่าน ผ่านคืนหนาว
กอดแนบ,อก ปกป้อง ประคองดาว
ผ่านคืนหนาว สาวสั่น สวรรค์ใจ

สองเคียงชิด นิจแนบ แอบไออุ่น
นิ่มละมุน กรุ่นนวล ชวนหวั่นไหว
ค่อยประคอง น้องนอน เตียงอ่อนไกว
กล่อมหลับใหล ในฝัน อันรื่นรมย์

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ทุกลมหายใจ ~


น้ำตานอง รินหลั่ง หลังเรื่องเล่า
เป็นเรื่องเศร้า เผ่าไทย ที่ใครขาน
ไทยเป็นไท ใครเล่า ทำร้าวราน
เลือดไทยผลาญ ล้างไล้ ให้แผ่นดิน

วิญญาณร้อง ก้องกู่ สู้สุดหล้
แม้นตัวข้าฯ ดับด่าว ขอร้าวสิ้
สลายสูญ ทดแทน คุณแผ่นดิน
สุธาถิ่น ผองไทย ได้ครอบครอง

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ยัง ~


ปลอบใจตัว มัวเหงา นั่งเศร้าอยู่
เปิดใจดู ฟ้ากว้าง กว่าทางฝัน
นกยังบิน เล่นลม ชมตะวัน
ฟ้ายังมี แสงจันทร์ ปันราตรี

แดดยังส่อง ลอดมา เมฆาบด
ฝนยังหยด รดหลั่ง สะพรั่งศรี
มวลบุปผา ผกามาศ ระดาษมี
เสียงดนตรี กวีกล่อม ยังย้อมใจ

~ หวัง ~


ไม่หวังมาก เกินใด ในโลกนี้
ไม่หวังมี เธอเคียง อยู่เพียงฉัน
ไม่หวังเธอ รักตอบ มอบผูกพัน
ไม่หวังเอา รักนั้น ปันจากเธอ

แค่ได้มอง จ้องดู อยู่ห่างห่า
แค่แอบรัก อยู่บ้าง พอเสนอ
แค่แอบยิ้ม พิมพ์ใจ ยามได้เจอ
แค่ละเมอ เพ้อฝัน ฉันฝ่ายเดีย

ขออยู่ข้าง หว่างใจ ใครคนหนึ่
มอบรักซึ้ง ตรึงตรา อย่าแลเหลียว
ขอฉันรัก แน่วแน่ แค่ฝ่ายเดีย
(แต่)หากเธอเหลียว เลี้ยวมอง คงต้องใจ(กัน)....
 
~* ปุถุชนฯ *~

~ เส้นทาง สายรัก ~


สัมผัสทาง ย่างเหยียบ ไม่เรียบราบ
โรยกุหลาบ มีหรือ คือทางฝัน
แม้หนาวเหน็บ เจ็บเร้า เฝ้าสัมพันธ์
เพียงสองใจ เคียงกัน อย่าหวั่นทาง

ก้าวเดินไป ในที อย่างมีรัก
ร้อยสมัคร ภักดิ์ผล จนรุ่งสาง
เพียงหนึ่ง..ก้าว ยาวอยู่ คู่เส้นทาง
ฝ่าถากถาง ขวางขวาก อย่าพรากไกล ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

~ อนัตตา ~


จะร้อนหนาว ร้าวรน อาบฝนฉ่ำ
ทุกข์ระกำ น้ำตา ปรีดาไหล
เทวษท้น ล้นสรวล รัญจวนใจ
อย่าหลงใหล ในวัฏ อนัตตา ฯ

~* ปุถุชนฯ *~

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ กลบฝัง ยังผืนดิน ~


หอบความช้ำ กล้ำกลืน ฝืนหยัดร่าง
แล้วเดินทาง กลางเปลี่ยว อย่างเหี่ยวเฉา
มาซบแอบ แนบลาน ที่บ้านเรา
เก็บความเหงา เอาฝัง ยังผืนดิน

กลบให้จม ขมขื่น ที่ยื่นหยิบ
เสียงกระซิบ ปริบตา มุสาหมิ่น
ที่เยาะเหยียด เกลียดชัง ทั้งมลทิน
เอาฝังสิ้น ดินกลบ ให้ลบเลือน

~ กรรมซ้อนกรรม ~

ชวาลาถั่งโถมโหมถล่ม
ทุกถิ่นจมถมท่วมอ่วมเสียหาย
ทั้งชีวินสินทรัพย์ลับละลาย
ล้วนเสียหายสายน้ำซ้ำพัดพา

ทรชนล้นหลากล้วนมากมี
เหตุอัปปรีย์จี้ปล้นจนผวา
พรากชีวิตปลิดปลงอย่างสงกา
อนิจจาน่าอนาจมันบาดใจ

~ เฟื่องฟ้า ~

ดอกกระดาษ วาดหวัง ดังเฟื่องฟ้า
พวงระย้า ผกางาม ตามสีสรร
ยามลมหวิว ปลิวต้อง กองซบกัน
ผ่านเพียงผัน หันเห ตามเวลา

ดูดาษดา คราคราว กราวปลิวปลิด
ทีละนิด หลุดล่อง เหม่อมองหา
เครือเจ้าหัน พัลวน บนหลังคา
ซุ้มพฤกษา หน้าบ้าน ตระการชม

วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

~ ลมผวน ~


เมื่อลมผัน หันผวน หวนเปลี่ยนทิศ
แต่ชีวิต แน่วแน่ ไม่แปรผัน
ด้วยดวงใจ ไขว่คว้า จะฝ่าฟัน
ขอมีกัน เคียงข้าง อย่าห่างไกล

กลัวนะใจ ไหวหวั่น จะผันผวน
กลัวเรรวน ซวนเซ เถลไถล
กลัวเจ้าผัน หันซัด ลมพัดไป
กลัวว่าใจ จะขม เช่นลม,วน

~ มีกัน ตลอดไป... ~

ที่ดวงดาว วาวงาม น้ำเงินใส
มีสายใย ถักทอ ก่อประสาน
จากไม่รู้ สู่ซึ้ง ตราตรึงวาร
สองดวงมาน สานเกี่ยว เข้าเหนี่ยวนำ

ร่วมประทับ รับขวัญ ดังฝันจ้า
จรัสกว่า ฟ้าหรือ คืองามขำ
ด้วยรักเรียม เทียมศรี รุจีนำ
สุดจะรำ- พันเอ่ย เผยความนัย

~ เกยกาย ก่ายเศียร ~

ล้วนแต่ตัว สังเวย เกยก่ายเศียร
ยังวนเวียน ราวี มีที่ใหน
เราก็รัก ชีพตน ทุกคนไป
เขาก็ใจ รักแน่ ไม่แพ้กัน..
~* ปุถุชนฯ *~

~ รุ่งแสง ทิวากร ~

ทิวากร ร่อนเหิน เพลินกลางหาว
รุจีแสง แพรวพราว ดับดาวใส
ปักษิณร่า ร่อนเริง บรรเทิงไพร
สำเริงไหว ไกวลม ปฐมกาล

เมื่อเหมันต์ หันมา ถึงคราเปลี่ยน
วสันต์เวียน เตียนฟ้า เมฆาผ่าน
พิรุณพราก จากจร ก่อนตระการ
วาโยหว่าน ซ่านซาบ กำราบทรวง
~* ปุถุชนฯ *~

~ ชมนาง 2 มธุรสแห่งจินต์ ~


นวลนงราม งามล้ำ ฉ่ำชวนชื่น
ในวันคืน เชยชิด พิสมัย
สนิทแนบ แอบอิง ผิงอุ่นไอ
กรุ่นกลิ่นกาย ผายกล้ำ ให้รำพัน

แม่ดวงแก้ว แวววับ ประดับหล้า

ชม้ายตา แย้มสรวล ให้ชวนฝัน
พักตร์พิศเด่น เช่นสรวง แห่งดวงจันทร์
นัยน์นงนั้น ดาวน้อย ยังคล้อยอาย

~ ขอโทษ ที่กวนใจ ~


ขอโทษ...ที่ทำ ลำบากใจ
ต่อไป จะไม่ สร้างปัญหา
อยู่เงียบ เรียบง่าย ตามอัตตรา
ไม่ว้า หรือวุ่น ทำขุ่นเคือง

เหนื่อยนะ เข้าใจ ยังไหวอยู่
อดสู ดูเห็น ลำเค็ญเขื่อง
รักล้น ท้นบ่า มานองเนือง
หลายเรื่อง ร้อนรุ่ม เร้าสุมกอง