รัตติกร กลืนกาฬ เป็นม่านหม่น
ประดับปน ยลแย้ม เข้าแซมใส่
ด้วยดวงดาว วาววับ ประทับใจ
แต้มเดือนใส ให้งาม อร่ามเรือง
นั่งชมดาว หนาวใจ หวิวไหวหวั่น
อุระสั่น พรั่นพรึง เพียงหนึ่งเรื่อง
ยามแล้งใจ ไยเจ้า ทำเปล่าเปลือง
รักเคยเนือง หายเหือด อย่างเลือดเย็น
ซ่านกำสรวล ครวญคำ จึงกำแสง
ไร้เรี่ยวแรง แห้งโหย ร่วงโรยเห็น
ดังม่านดำ คล้ำคลุม เร้ารุมเป็น
รอยลายเร้น เข่นฆ่า ไม่ปราณี
คืนจันทร์ร่วง ห้วงหาว เหลือดาวเดี่ยว
ในทางเที่ยว เคี่ยวขอด บอดศักดิ์ศรี
กอปร,ระกำ ย้ำยอก ตอกฤดี
ประหนึ่งมี บีฑา มาแต่บรรพ์
ท้อระทด หมดแรง เคยแกร่งกล้า
ตากน้ำตา ฟ้าแกล้ง กำแสงศัลย์
กอดเพียงเงา เคล้าลม ห่มจาบัลย์
ชั่วคืนสั้น ผันส่ง ขอจงลืม ฯ
~* ปุถุชนฯ *~
เพราะหัวใจเคยรักและยังรัก
ตอบลบหลับตามักเห็นภาพเก่าเฝ้าหลอกหลอน
ลืมตาเห็นภาพที่วางข้างที่นอน
และบทกลอนอาลัยด้วยลายมือ.
สวัสดีค่ะ วันนี้มาต่อกลอนด้วยนะคะ ^_^
ทำงานหรือคะ เงียบเลยนะนี่!
ทำงานกลางคืนครับผม กลางวันนอน ขอบคุณมากนะครับ
ตอบลบกลอนเพราะนะครับ แล้วจะมาตอบต่อให้นะครับ